ข่าวทั่วไป
ฟังกันชัดๆ !!วิธีกำราบฝรั่งไร้มารยาท ของ พ่อหลวง ด้วยความ ไม่โกรธ เรื่องเล่าจาก สมเด็จพระราชินี ฟังแล้วต้องทำตามแบบนี้เลย !??
3:48 AM
เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพ ระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จเยือนประเทศออสเตรเลีย พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในระหว่างวันที่ 26 สิงหาคม – 12 กันยายน ปีพุทธศักราช 2505 นั้น
มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศัก ดิ์ สาขานิติศาสตร์ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัวฯ ณ หอประชุมของมหาวิทยาลัย
ในครั้งนั้นได้เกิดเหตุการณ์อันไม่คาดคิด กล่าวคือ นักศึกษากลุ่มหนึ่งได้แสดงก ิริยามารยาทอันไม่บังควรยิ่ งต่อพระองค์ แต่พระองค์ได้แสดงออกถึงพระ จริยาวัตรอันงดงามในฐานะกษั ตริย์ที่ทรงขันติธรรม
ในครั้งนั้นได้เกิดเหตุการณ์อันไม่คาดคิด กล่าวคือ นักศึกษากลุ่มหนึ่งได้แสดงก
และพระราชปฏิภาณในมหาสมาคม ทรงปราบความทระนง โอหัง หยาบคายของบรรดานักศึกษามหา วิทยาลัยที่แสดงกิริยามารยา ทไร้วัฒนธรรมอันดีงามได้อย่ างราบคาบ
อาจกล่าวได้ว่านี่คือพระเดช านุภาพที่เปล่งประกายจนทำให ้คนเหล่านั้นพ่ายแพ้ด้วยพระ ราชดำรัสเพียงไม่กี่ประโยค
…จึงขออัญเชิญพระดำรัสเล่าเห ตุการณ์ครั้งนั้นมาไว้ในบัน ทึกนี้เพื่อร่วมกันชื่นชมใน พระราชจริยาวัตรของในหลวงซึ ่งเป็นพ่อหลวงในดวงใจไทยทุก คน
“ มหาวิทยาลัยเมลเบิร์นถวายปร ิญญานิติศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตก ิตติมศักดิ์แก่พระเจ้าอยู่ห ัว
พอเราไปถึงมหาวิทยาลัย ก็ต้องเดินผ่านกลุ่มชายหญิง ซึ่งเข้าใจว่าเป็นนักศึกษาข องมหาวิทยาลัยแห่งนั้น มีพวกหนึ่งยืนอยู่นอกหอประช ุม ด้านที่เป็นประตูกระจกเปิดอ ยู่เป็นระยะๆ
ทำให้มองเข้าไปเห็นและได้ยิ นเสียงจากเวทีข้างในได้ กลุ่มนี้บางคนแต่งกายไม่เรี ยบร้อยเลย แต่กลุ่มอื่นๆ บางพวกก็ดูดี เมื่อข้าพเจ้าตามเสด็จฯ ผ่านจะเข้าไปในหอประชุม บางพวกก็ปรบมือให้
บางพวกก็มองดูเฉยๆ ไม่ยิ้มไม่บึ้ง แต่บางพวกมองดูด้วยสายตาประ หลาด แล้วมีการหันไปพูดซุบซิบและ หัวเราะกันก็มี
ตัวข้าพเจ้าเองก็อดที่จะมอง ดูเขาอย่างประหลาดใจไม่ได้เ หมือนกัน เพราะเห็นว่าท่วงทีที่คนบาง คนยืนช่างไม่น่าดูเลย การแต่งเนื้อแต่งตัวก็ดูจะจ ะเป็นเครื่องแต่งกายของพวกท ี่อยากจะเรียกร้องความสนใจ
ม ากกว่าที่จะให้นึกว่าเป็นนั กศึกษาอันควรจะเป็นปัญญาชน
“ขอโทษ…ลืมไป…ตอนนั้นยั งไม่มีประเทศออสเตรเลียเลย. ..”
เมื่อเราเข้าไปถึงในหอประชุ มนั้น มีผู้คนเต็มไปหมดเกือบทุกที ่นั่ง เป็นนักศึกษา ศาสตราจารย์ คนสำคัญของเมืองเมลเบิร์นแล ะนักหนังสือพิมพ์ เป็นต้น
เขาจัดให้ข้าพเจ้าและผู้ติด ตามนั่งอยู่ตรงที่คนดูข้างล ่างแถวหน้า ส่วนพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้ นไปบนเวทีพร้อมด้วยอธิการบด ี คณบดี และกรรมการของมหาวิทยาลัย
เมื่อพิธีเริ่มต้น อธิการบดีก็ลุกขึ้นไปอ่านคำ สดุดีพระเกียรติพระเจ้าอยู่ หัวก่อนที่จะถวายปริญญา
ทันใดนั้นเองข้าพเจ้าก็ได้ย ินเสียงเอะอะเหมือนโห่ปนฮาอ ยู่ข้างนอก คือจากกลุ่ม “ปัญญาชน” ซึ่งยืนท่าต่างๆ ที่ไม่น่าดู เช่น เอาเท้าพาดต้นไม้บ้าง ถ่างขามือเท้าสะเอวบ้าง
เสียงโห่ปนฮาของเขาดังพอที่ จะรบกวนเสียงที่อธิการบดีกำ ลังกล่าวอยู่ทีเดียว ข้าพเจ้ารู้สึกว่าอารมณ์โกร ธพุ่งขึ้นมาทันที เกือบจะระงับสติอารมณ์ไม่ไห ว
มองขึ้นไปบนเวทีเห็นบรรดาศา สตราจารย์และกรรมการมหาวิทย าลัยที่นั่งอยู่บนนั้นต่างก ็หน้าจ๋อย ซีดแทบไม่มีสีเลือด ท่าทางกระสับกระส่ายด้วยควา มละอายไปด้วยกันทั้งนั้น
ถ้าคนกลุ่มนั้นเป็นเด็กเล็ก ๆ ก็คงจะมีผู้ใหญ่ลุกขึ้นออกไ ปตีคนละเผียะสองเผียะ เพื่อสั่งสอนอบรมให้รู้จักม ารยาทของเจ้าของบ้าน
ข้าพเจ้าชำเลืองมองดูพวกเรา เห็นนั่งตัวแข็งไปตามๆ กัน ครั้นอธิการบดีอ่านคำสดุดีพ ระเกียรติจบลง ก็ถวายปริญญา
ต่อจากนั้นก็ถึงเวลาที่พระเ จ้าอยู่หัวจะเสด็จไปพระราชท านพระราชดำรัสที่เครื่องขยา ยเสียงกลางเวที ยังไม่ทันจะอะไร ก็มีเสียงโห่ปนฮาดังขึ้นมาจ ากกลุ่ม “ปัญญาชน” ข้างนอกอีกแล้ว
ข้าพเจ้ารู้สึกว่ามือเย็นเฉ ียบ หัวใจก็หวิวๆ อย่างไรพิกล รู้สึกสงสารพระเจ้าอยู่หัวจ นทำอะไรไม่ถูก ไม่กล้าแม้แต่จะมองขึ้นดูพร ะพักตร์ท่าน ด้วยความสงสารและเห็นพระทัย
คนที่อยู่ในหอประชุมทั้งหมด ก็ปรบมือเสียงสนั่นหวั่นไหว คล้ายจะถวายกำลังพระทัยท่าน พอเสียงปรบมือเงียบลง คราวนี้ข้าพเจ้ามองขึ้นไปบน เวทีอีก
ก็เห็นพระเจ้าอยู่หัวทรงเปิ ดพระมาลาที่ทรงคู่กับฉลองพร ะองค์ครุย แล้วหันพระองค์ไปโค้งคำนับค นกลุ่มที่ส่งเสียงอยู่ข้างน อกอย่างงดงามน่าดูที่สุด
พระพักตร์ยิ้มนิดๆ พระเนตรมีแววเยาะหน่อยๆ แต่พระสุรเสียงราบเรียบยิ่ง นัก
“ขอขอบใจท่านทั้งหลายเป็นอั นมาก ในการต้อนรับอันอบอุ่นและสุ ภาพเรียบร้อยที่ท่านมีต่อแข กเมืองของท่าน”
รับสั่งเพียงเท่านั้นเอง แล้วก็หันพระองค์มารับสั่งก ับผู้ที่นั่งฟังอยู่ในหอประ ชุม ตอนนี้ข้าพเจ้าอยากจะหัวเรา ะออกมาดังๆ ด้วยความสะใจ
เพราะเสียงฮานั้นเงียบลงทัน ทีราวกับปิดสวิทช์ แล้วตั้งแต่นั้นก็ไม่มีอีกเ ลย ทุกคนทั้งข้านอกข้างในต่างน ั่งฟังพระราชดำรัสเฉย ท่าทางดูขบคิด
ข้าพเจ้าเห็นว่าพระราชดำรัส วันนั้นดีมาก รับสั่งสดๆ โดยไม่ทรงใช้กระดาษเลย ทรงเล่าถึงวัฒนธรรมอันเก่าแ ก่ของไทยเราว่า เรามีเอกราช มีภาษาของเราเอง มีตัวหนังสือซึ่งคิดค้นใช้ข ึ้นเอง
เราตั้งกฎหมายการปกครองของเ ราเอง ให้สิทธิเสรีภาพแก่ประชาชนม า 700 ปี กว่ามาแล้ว
…ตอนนี้ข้าพเจ้าขำแทบแย่ เพราะหลังจากรับสั่งว่า …700 ปีกว่ามาแล้ว… ทรงทำท่าเหมือนเพิ่งนึกออก ทรงสะดุ้งนิดๆ และทรงโค้งพระองค์อย่างสุภา พเมื่อตรัสว่า
“ขอโทษ…ลืมไป…ตอนนั้นยั งไม่มีประเทศออสเตรเลียเลย. ..”
แล้วทรงเล่าต่อไปว่า แต่ไหนแต่ไรมาคนไทยเรามีน้ำ ใจกว้างขวางพร้อมที่จะให้โอ กาสคนอื่นและฟังความเห็นของ เขา เพราะเรามักใช้ปัญญาขบคิด
ไตร่ตรองหาเหตุผลก่อนจึงจะต ัดสินว่าสิ่งไรเป็นอย่างไร ไม่สุ่มสี่สุ่มห้าตัดสินอะไ รตามใจชอบโดยไม้เหตุผล…”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอย ู่หัว ทรงนำความสง่างามมาให้ประเท ศไทย และคนไทย ที่มีอารยธรรมมาก่อนประเทศอ อสเตรเลียในทุกด้าน นี่เป็นความภาคภูมิใจที่เรา มีในหลวงที่สมบูรณ์ด้วย “ทศพิธราชธรรม” ทรงเป็นราชาอันเป็นสง่าแห่ง แคว้น ทรงมีพระอัจฉริยภาพ พระปฏิภาณ ขันติธรรม ทรงพรั่งพร้อมจริยาวัตรอันง ดงาม มีพระเดชานุภาพเป็นที่ปรากฏ แก่สายตาชาวโลก
เราคนไทยโชคดีเหลือเกินที่ม ีในหลวงที่เป็นศรีสง่าแห่งป ระเทศไทย
ทีมา http://www.siamdrama.com/view-1699.html


0 comments